วิธีการเลี้ยงเด็ก พ่อแม่ทุกคนต้องการให้ลูกเป็นคนใจดีและซื่อสัตย์ แต่เมื่อลูกโตขึ้นและมีความคิดเป็นของตัวเอง พ่อแม่อาจสังเกตเห็นว่าลูกเริ่มพูดปด เด็กบางคนโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา บางคนโกหกเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ เด็กแทบทุกคนโกหก พ่อแม่จึงต้องช่วยลูกพัฒนานิสัยที่ถูกต้อง หนึ่งในนิสัยที่ดีที่สุดที่ทุกคนควรมี คือ ซื่อสัตย์ ต่อไปนี้เป็น 9 วิธีในการสอนลูกของคุณให้มีความซื่อสัตย์ พ่อแม่สามารถปลูกฝังให้ลูกๆ ได้
1. ให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ในครอบครัว พ่อแม่สามารถเริ่มบอกลูกๆ เมื่อพวกเขายังเด็กและแสดงให้พวกเขาเห็นว่าความซื่อสัตย์เป็นสิ่งสำคัญในครอบครัวของเรา ให้เขารู้โดยใช้ภาษาที่เหมาะสมกับวัยที่โกหกทำลายความไว้วางใจและทุกคนในครอบครัวต้องสามารถเชื่อว่าสิ่งที่เราพูดเป็นความจริง 2. อย่าถามคำถามที่คุณรู้คำตอบอยู่แล้ว วิธีหยุดโกหกวิธีหนึ่งคืออย่าให้ลูกโกหก ไม่ต้องถามลูกว่ารู้ไหมว่าลูกไม่มีของเล่นในห้อง คุณทำความสะอาดห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กมักจะโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา อย่าให้ลูกรู้ว่าพ่อแม่รู้ความจริงแล้ว เพราะนั่นจะทำให้เด็กรู้สึกว่าจำเป็นต้องโกหก
3. อย่าโกหกลูกของคุณ พ่อแม่ไม่ควรโกหกลูกแม้ว่าลูกจะไม่ได้พูดความจริงหรือทำไม่ได้ตามที่พูดก็ตาม การโกหกเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าตัวตนของเขาเป็นคนโกหก คนเลว เมื่อเวลาผ่านไป ลูกของคุณอาจเริ่มเชื่อว่าพวกเขาเป็นคนโกหก เป็นคนไม่ดี และทำอย่างนั้นจริงๆ พ่อแม่ควรช่วยให้ลูกเข้าใจว่าพ่อแม่ไม่ชอบให้ลูกโกหก แต่พ่อแม่ก็ยังรักลูกเสมอ หากสิ่งที่คุณพูดฟังดูไม่จริง ให้ลูกของคุณรู้ว่าพ่อแม่คิดว่าลูกของพวกเขาอาจไม่ได้พูดความจริง และให้โอกาสพวกเขาอธิบายว่าทำไมพวกเขาถึงโกหก
4. สอนลูกอย่างใจเย็น ไม่ใส่อารมณ์ แม้ว่าการสงบสติอารมณ์อาจเป็นเรื่องยาก แต่การไม่ดุลูกของคุณอาจเป็นเรื่องยากหากคุณจับได้ว่าเขาโกหก แต่เด็กบางคนไม่ซื่อสัตย์เพราะกลัวพ่อแม่จะโกรธ และคิดว่าจะถูกทำโทษเพื่อให้เด็กเรียนรู้ที่จะหลีกเลี่ยงการบอกความจริงกับพ่อแม่ ผู้ปกครองควรใช้เวลาสักครู่เพื่อสงบสติอารมณ์ก่อน สอนลูกๆ ของคุณด้วยความสงบสุขและความรัก ให้ลูกรู้ว่าเป็นเรื่องปกติที่ลูกจะพูดความจริง ไม่มีอะไรต้องกลัว
5. บอกลูกของคุณว่าคุณมีความสุขแค่ไหน เด็กเล็กส่วนใหญ่ต้องการทำให้พ่อแม่พอใจ เมื่อพ่อแม่บอกลูกว่าการพูดความจริงทำให้ลูกมีความสุข เด็กอาจมีความซื่อสัตย์มากขึ้น นอกจากนี้ เด็กๆ ยังรู้สึกปลอดภัยที่ได้รับความไว้วางใจ 6. ทุกสิ่งที่คุณทำมีผลที่ตามมา บอกลูกๆ ของคุณว่าถ้าพวกเขาโกหก ในที่สุดพวกเขาจะถูกจับได้และถูกลงโทษ การโกหกสามารถเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่สำคัญ และนั่นคือจุดเริ่มต้น ความไม่ไว้วางใจและอาจบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่ซึ่งไม่คุ้มที่จะโกหก
7. แก้ไขข้อบกพร่อง การจับความไม่ซื่อสัตย์ของลูกชายเป็นโอกาสที่ดีใน วิธีการเลี้ยงเด็ก ถามลูกของคุณว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าจำเป็นต้องโกหก อธิบายว่าการโกหกสามารถทำร้ายความสัมพันธ์ได้อย่างไร เพราะมันสร้างความไม่ไว้วางใจและยากที่จะให้พวกเขากลับมาเชื่อใจกันอีก คุณควรบอกให้ลูกทำอะไรเพื่อแก้ไขข้อผิดพลาดโดยไม่โกหก
8. ปฏิบัติตามสัญญา เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจ จงรักษาคำพูดของคุณและสอนลูกให้เป็นคนที่ถือว่าทุกคำพูดที่พวกเขาพูดนั้นศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพูดแล้วต้องทำตามที่พูด พ่อแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี พ่อแม่มักจะรักษาสัญญาเมื่อให้คำมั่นสัญญากับลูก และลูกจะค่อยๆ ซึมซับว่าเขาเป็นใคร 9. หาเพื่อนที่ซื่อสัตย์ จะสอนลูกให้ซื่อสัตย์โดยไม่สอนตามใจลูกได้อย่างไร วางเด็กไว้ในสภาพแวดล้อมนั้น ในบ้านที่มีพ่อแม่ที่ซื่อสัตย์ ในโรงเรียน เลือกที่จะอยู่กับเพื่อนที่ซื่อสัตย์ สู้ชีวิตลูกดีกว่าเลือกคบเพื่อนโกหก
ดังคำกล่าวที่ว่า อย่าตัดสินหนังสือจากหน้าปก เพราะหน้าปกเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจที่สุด อาจเป็นหนังสือที่แย่ที่สุดที่เคยอ่านมา แต่หน้าปกของหนังสือดูธรรมดาๆ มันอาจจะเป็นหนังสือที่ดีที่สุดที่คุณจะเคยอ่านมาในชีวิตก็ได้ ดังนั้นเลือกที่จะอ่านหรือไม่อ่านหน้าปก อาจทำให้เราพลาดสิ่งดีๆ ผู้คนยังเป็นคนหน้าตาดีที่ภายในอาจร้ายกาจ ตรงกันข้าม คนที่ดูน่ากลัวภายนอกไม่ควรเข้าใกล้แต่อาจเป็นคนที่จิตใจอ่อนโยนที่สุด
ถ้าถามว่าใครเคยตัดสินมนุษย์คนอื่น ทุกคนคงตอบว่า ใช่ แล้วเราจะไปตัดสินคนอื่นทำไม นั่นเป็นเพราะการตัดสินผู้อื่นเป็นสัญชาตญาณ เราทำอะไรที่แตกต่างไปจากเราหรือไม่เมื่อเราเห็นคนหน้าตาแปลกๆ หรือเป็นเพราะเราได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้และเชื่อทันทีโดยไม่คิด การขาดความเข้าใจและการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเกิดจากประสบการณ์ของเราและการที่เราถูกเลี้ยงดูมาในวัยเด็ก
ดังนั้นจึงเป็นความรับผิดชอบของเราในฐานะพ่อแม่ในปัจจุบันที่จะสอนลูกๆ ของเราให้เข้าใจความแตกต่าง มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นและตระหนักว่าคุณแตกต่างจากพวกเขา วิธีเลี้ยงลูกโดยไม่ตัดสินคนอื่น เริ่มต้นที่บ้านกับพ่อแม่ที่พูดในแง่ลบเกี่ยวกับครอบครัวอื่นหรือสอนลูกให้ตระหนักถึงข้อบกพร่องของคนอื่น
จะนำพาลูกไปสู่ชีวิตที่คับแคบ ลูกหลานของเราเลียนแบบสิ่งที่เราพูดและทำ ถ้าเราตัดสินคนอื่นด้วยภาษากายหรือคำพูดที่สื่อถึงการเหยียดเชื้อชาติ เหยียดเพศ และอคติกับผู้อื่น เด็กก็จะลอกเลียนแบบเราจากที่เขาเห็น ดังนั้น ถ้าเราอยากให้เด็กลอกแบบดีๆ ใจดีและมีน้ำใจต่อผู้อื่น พาลูกไปเจอคนหลากหลายอาชีพ ในชีวิตประจำวันเราจะพบเจอผู้คนหลากหลายอาชีพรอบตัวเรา เช่น ลุง รปภ. พี่ชายคนส่งของ ป้ากวาดถนน คุณป้าขายข้าวเหนียวหมูปิ้ง
หากเด็กได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้คนจากหลากหลายพื้นเพ แสดงให้ลูกๆ ของคุณเห็นว่าคุณใส่ใจ มีความเห็นอกเห็นใจ และความเข้าใจในความแตกต่างระหว่างบุคคล รู้ว่าชีวิตเราต่างจากเขาอย่างไร เมื่อรู้จักเขาเราจะไม่ตัดสินใคร มองหาความดีในตัวเขา แต่ละคนมีข้อดีของตัวเอง ไม่ว่าภายนอกเขาจะเป็นยังไง ใครพูดถึงเขา แต่ถ้าเราเลือกที่จะโฟกัสไปที่สิ่งดีๆ ในตัวเขา เราจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์และความรู้สึกร่วมกันให้ดีขึ้นได้อย่างมาก ปล่อยเขาไป เขาแค่แสดงความเห็น
ให้ลูกได้สัมผัสวัฒนธรรมที่แตกต่าง หากมีเพื่อนบ้านต่างชาติอยู่ใกล้ๆ หรือคนต่างถิ่น ให้เด็กเล่นด้วยกัน พวกเขาจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับภาษา ทักษะทางสังคม และวัฒนธรรมที่แตกต่างกันผ่านการเล่น หรือต่างประเทศ คุณจะได้สัมผัสกับประเพณีของแต่ละสถานที่ หรือแม้แต่ไปร้านอาหารจีน ญี่ปุ่น เกาหลี อิตาลี และเวียดนาม เพื่อสัมผัสกับวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่างกัน ฯลฯ
สอนให้ลูกยอมรับความแตกต่าง พูดคุยความแตกต่างกับลูกของคุณ มนุษย์เกิดมาโดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ สีผิว สีผม สีตา รูปร่าง ศาสนา วัฒนธรรม หรือสถานะทางสังคม แม้แต่ความคิดเห็นก็สอนให้เขายอมรับความแตกต่าง และไม่น่าแปลกใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับรูปลักษณ์และข้อบกพร่องที่แตกต่างกันของคนอื่น แต่นั่นเป็นเพียงความแตกต่างทางสังคม ทำตัวปกติในชีวิตประจำวันมากกว่าตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เราเห็น
บทความที่น่าสนใจ : สุขภาพที่ดี ออกกำลังกายอย่างไรให้เข้ากับวัยอย่างมีประสิทธิภาพ